แชร์

รอยหลุมสิวเกิดจากอะไร รักษาหลุมสิวบนหน้ายังไงดี

อัพเดทล่าสุด: 15 มี.ค. 2024
379 ผู้เข้าชม
วิธีรักษารอยหลุมสิว ให้ผิวกลับเรียบเนียน

รอยหลุมสิวเกิดจากอะไร รักษาหลุมสิวบนหน้ายังไงดี

หลุมสิว อีกหนึ่งปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้ที่มีสิวอักเสบ เนื่องจากสิวอักเสบเกิดจากผิวหน้ามีสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขนผสมกับติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เชื้อดังกล่าวรวมกับสิ่งสกปรกที่ตกค้าง จนกลายเป็นสิวอุดตันในระยะแรก หากไม่มีการรักษาที่ถูกวิธีจะส่งผลให้เกิดสิวอักเสบ บวมแดง มีหนองกัดกินเนื้อเยื่อบริเวณนั้น จึงเกิด หน้าเป็นหลุม ผิวหน้าไม่เรียบเนียนจนขาดความมั่นใจในตนเอง สำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวแล้ว ต้องการรักษาหลุมสิวด้วยวิธีที่ได้ผลดี ซึ่งรักษาที่ดี ก็ไม่ได้มีเพียงแต่เลเซอร์รักษาหลุมสิวเท่านั้นนะ สามารถศึกษารายละเอียดได้ ที่นี่ 

รอยหลุมสิวคืออะไร


รอยหลุมสิว หรือ Atrophic Scars เป็นรอยแผลของสิวอักเสบหลังถูกรักษาและยุบตัวลง ซึ่งการรักษาสิวอักเสบ บางครั้งรักษาผิดวิธีหรือช้าเกินไป ทำให้เชื้อโรคได้ทำลายผิวหนังชั้นในบริเวณนั้นไปแล้ว แม้สิวจะหาย ทว่าผิวหนังถูกทำลายไปบางส่วน ประกอบกับผิวไม่สามารถรักษาตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิมได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้หลายคนที่มีปัญหาสิวอักเสบ มักมีภาวะของหลุมสิวตามมาได้เยอะมาก จนเกิดความกังวลใจ ขาดความมั่นใจในตนเอง 

รอยหลุมสิวเกิดจากอะไร


 หลุมสิว หรือที่หลายคนมักจะเรียกว่า รอยหลุมสิว เกิดจากสิวอักเสบที่ทำลายผิวหนังชั้นใน เมื่อรักษาสิวอักเสบไปแล้ว แต่ผิวหนังชั้นในถูกทำลายไปบางส่วน ร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 10 วันในการซ่อมผิวหนังบริเวณที่เป็นหลุม ซึ่งการซ่อมแซม ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนออกมา เพื่อทำให้โครงสร้างของผิวกลับมาสมานเหมือนเดิม หากกระบวนการนี้เกิดการผิดพลาดหรือมีการสร้างคอลลาเจนไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดหลุมสิวตามมาได้ 

เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าจริง ๆ เราสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดสิวได้นะ เพียงแค่เราดูแลจัดการกับปัญหาสิวตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ให้กระบวนการหายของสิวเกิดขึ้นเร็ว ลดการอักเสบ จะช่วยป้องกันการเกิดหลุมสิวได้ หากใครกำลังมองหาตัวช่วยในการลดการอักเสบของสิว เรามีรีวิวไอเทมเจลแต้มสิวมากฝาก (คลิกที่นี่เลย)

ประเภทของสิวที่ทำให้เป็นหลุมได้


ในส่วนของสิวอักเสบที่ส่งผลให้เกิด รอยหลุมสิว ได้ อย่างที่หลายคนทราบว่าสิวชนิดดังกล่าวมีประเภทมาก ๆ ทว่าประเภทที่ควรระวัง เพราะเป็นสาเหตุของการเกิดหลุมสิวมากที่สุด มี 3 แบบ ดังนี้

  1. สิวอักเสบหัวช้าง จะเป็นสิวอักเสบมีหนองปนเลือดด้านใน มีลักษณะของหัวสิวใหญ่มาก ๆ
  2. สิวอักเสบขั้นรุนแรง มักจะมีอาการบวมแดง เป็นหนอง ทว่าเกิดเรื้อรังที่เดิมซ้ำ ๆ
  3. สิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียผสมกับสิ่งตกค้างในรูขุมขนที่ลุกลามลงชั้นผิวด้านใน 

ลักษณะของรอยหลุมสิว


ลักษณะของหลุมสิวเป็นที่เด่นชัดมาก เนื่องจากผิวที่เกิด รอยหลุมสิว จะไม่เรียบเนียน เป็นหลุมเป็นบ่อ ขรุขระ ใช้สายตามองจะเห็นชัดเจน ซึ่งความรุนแรงของหลุมสิวแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนเกิดเฉพาะจุด เพราะรักษาได้ทันเวลาและถูกวิธี ทว่าบางคนมีหลุมสิวทั่วทั้งใบหน้า ควรได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน 


วิธีรักษาหลุมสิว ที่แพทย์แนะนำ


วิธีรักษาหลุมสิวในปัจจุบัน แม้นวัตกรรมจะล้ำสมัยมาก ทว่าแพทย์จะไม่รักษาให้ผู้ที่มีปัญหาดังกล่าวทันที แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินตามประเภทของหลุมสิวก่อน เพื่อรักษาให้ถูกต้องตรงจุดมากที่สุด โดยจะเริ่มการรักษาหลังจากที่สิวหายแล้วเท่านั้น ซึ่งประเภทของหลุมสิวมี 3 ชนิดใหญ่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์รักษาหลุมสิว ผ่าตัดผังผืด ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว เมโสหลุมสิว ดังนี้

  • Ice Pick Scar หลุมสิวที่เข้าขั้นวิกฤติ เพราะผิวหนังถูกสิวอักเสบทำลายไปลึกถึงผิวหนังแท้ ทำให้หลุมลึกขนาด 2 มิลลิเมตร แต่ไม่ใหญ่ จะเป็นลักษณะหลุมเล็ก ๆ แต่ลึกนั้นเอง
  • Box Scar รอยหลุมสิว ที่ไม่ลึกมาก แต่มีความกว้างและใหญ่ มีพังผืดใต้ผิว จัดอยู่ในกลุ่มหลุมสิวระดับกลาง การรักษาให้หลุมตื้นขึ้น สามารถทำได้ง่าย ใช้เวลาไม่นานมากนัก
  • Rolling Scar เป็นหลุมสิวที่พบได้ทั่วไป ไม่ลึกมาก เป็นหลุมตื้น ๆ แค่บริเวณหนึ่งของใบหน้าเท่านั้น ทำให้การรักษาหลุมสิวประเภทสุดท้ายนี้ง่ายดายกว่าทุกประเภทที่กล่าวมาทั้งหมด

ในส่วนของการรักษาหลุมสิวต่าง ๆ แพทย์จะนิยมใช้การเลเซอร์ การตัดพังผืด ฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดเมโส สำหรับผู้ที่ต้องการความรู้ในเรื่องของการรักษาหลุมสิวเพิ่มเติม มีรายละเอียดดังนี้  


1. วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยการทำเลเซอร์รักษาหลุมสิว


การเลเซอร์หลุมสิว หรือ Laser เป็นวิธีการรักษา หน้าเป็นหลุม ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะเป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้ดีที่สุด รวดเร็วทันใจมากที่สุด เนื่องจากการยิงเลเซอร์เป็นการยิงคลื่นรังสีเข้าไปกระตุ้นการสร้างของคอลลาเจนในบริเวณแบบตรงจุดนั้นเอง ทว่าแพทย์ผู้ทำการรักษาจะประเมินชนิดของหลุมสิวก่อน เพื่อเลือกเลเซอร์ที่เหมาะสมที่สุด โดยตัวเลเซอร์รักษาหลุมสิว ที่ใช้รักษาบ่อยที่สุด คือ Fractional Co2 Laser และ pico laser

เหมาะกับปัญหาผิว:

  • มีปัญหา รอยดำจากสิว รอยแดงจากสิว
  • ผิวหน้าหมองคล้ำจากแสงแดด ปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • มีรอยหลุมสิวแบบ Rolling Scar หรือ Rolling Scar 
  • สามารถรักษาสิว Ice Pick Scar ได้ โดยยิงเลเซอร์เข้าไปผิวชั้นลึก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

ความถี่ในการทำ : 

เลเซอร์หน้าขาวใส แนะนำให้ทำทุก ๆ 2 อาทิตย์ 
เลเซอร์หลุมสิว จะแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3 ครั้งขึ้นไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัญหาสภาพผิวที่มีด้วย โดยจะเว้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ทำครั้ง

ทำหัตถการราคาพิเศษ ดูโปรโมชั่นที่ Gowabi คลิกเลย

2. วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยการผ่าตัดพังผืด


เลเซอร์รักษาหลุมสิว จะนิยมทำสำหรับหลุมสิวที่ไม่ลึก และไม่กว้างมาก แต่ถ้าหากมีรอยสิวที่ใหญ่กว่านั้น อีกหนึ่งวิธีสำหรับการรักษาก็คือ การผ่าตัดพังผืด หรือ subcision ในกระบวนการรักษาแพทย์จะนำเข็มที่มีขนากเล็กมาก ๆ เจาะลงไปในชั้นผิวที่มีพังผืดเกาะอยู่แล้วทำการตัดทิ้ง ให้พังผืดที่ยึดรั้งผิวหนังให้เป็นหลุมลงไปหลุดออก ผิวหนังจึงค่อย ๆ คลายกลับคืนสู่สภาพเดิม ซึ่งวิธีการรักษาแบบนี้ แพทย์จะใช้กับผู้ที่มี รอยหลุมสิว ทั่วทั้งใบหน้าหรือกระจายเป็นบริเวณกว้าง เพราะเห็นผลไว ไม่ต้องครั้งเดียว ผลเริ่มดีขึ้นทั้งใบหน้าที่มีปัญหาผิวดังกล่าว  


เหมาะกับปัญหาผิว: ผู้ที่มีหลุมสิว rolling scar และ box car หรือแผลเป็นที่มีขอบชัดและมีขนาดลึก

ความถี่ในการทำ : ทำครั้งเดียวเห็นผล แต่ต้องดูรักษาอย่างเป็นพิเศษ ต้องมีระยะพักฟื้น


3. วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยการฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว


ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว หรือ Fillers injection เป็นอีกหนึ่งวิธีที่แพทย์นิยมใช้บ่อยมากในการรักษาหลุมสิว เพราะเห็นผลลัพธ์ไว้ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลย โดยการรักษาแพทย์จะฉีดสารเติมเต็มที่ชื่อว่า ไฮยาลูโรนิค แอซิด ลงไปบริเวณหลุมสิวแต่ละจุด จนผิวใบหน้ามีความเรียบเนียนสม่ำเสมอกัน และสารที่ฉีดลงไป สามาระกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่รักษาอาการ หน้าเป็นหลุม ได้เร่งด่วนที่สุด 


เหมาะกับปัญหาผิว:หมาะกับผู้มีปัญหาหลุมสิวไม่มาก หรือเป็นจุด ๆ โดยสามารถรักษาได้ดีในกลุ่มผู้มีปัญหาหลุมสิวระดับ Rolling scar และ Box Scar สำหรับ  Ice Pick Scar ก็สามารถรักษาได้ แต่ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ เพื่อตัดเซาะ ผิวผังฝืด

ความถี่ในการทำ : เห็นผลชัดเจนเมื่อทำติดต่อกัน 3-5 ครั้ง โดยเว้นระยะในการทำแต่ละครั้ง 36 สัปดาห์ เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่หลุมสิว

ทำหัตถการราคาพิเศษ ดูโปรโมชั่นที่ Gowabi คลิกเลย

4. วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยการฉีดเมโส


การฉีดเมโส ซึ่งแพทย์จะเรียกอีกอย่างหนึ่งมาว่า มาเด้คอลลาเจน ซึ่งมาเด้คอลลาเจนในต่างประเทศดังมานาน ทง่าในไทยเพิ่งจะมานิยมในช่วงหลัง ๆ นี้ โดยมาเด้ในหนึ่งเซตมี 2 ขวดเป็นเมโสลดรอยและวิตามินในการบำรุงผิวและฆ่าเชื้อสิวได้ เมื่อฉีดเมโสดังกล่าวลงไป สารจะกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและลดรอยแดงต่าง ๆ ทำให้ รอยหลุมสิว ตื้นขึ้นพร้อมคืนสภาพผิวที่แข็งแรงให้อีกด้วย 


เหมาะกับปัญหาผิว: ผู้ที่มีรอยดำจากสิว จุดด่างดำ ฝ้า กระ ผิวหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ 

ความถี่ในการทำ : หลังฉีด 3 เริ่มเห็นผลและจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน ซึ่งในระยะแรกของการทำเมโส จะฉีดอาทิตย์ละครั้งใน 1 เดือนแรก และหลังจากนั้นจะฉีดทุก 2 อาทิตย์เพื่อคงสภาพ และเมื่อสภาพผิวดีแล้ว สามารถเว้นระยะได้ 6 เดือนครั้ง

ทำหัตถการราคาพิเศษ ดูโปรโมชั่นที่ Gowabi คลิกเลย


รอยหลุมสิว เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากสิวอักเสบทำลายชั้นผิวหนังชั้นใน ลักษณะของหลุมสิวจะเป็นบ่อลึกและกว้างกระจายทั่งบริเวณที่มีปัญหา ทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียน ขรุขระ ในการรักษาทางการแพทย์มีหลากหลายวิธี แต่วิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุด ได้แก่ การเลเซอร์รักษาหลุมสิว การฉีดสารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ การผ่าตัดพังผืด การฉีดเมโส สำหรับผู้ที่มีปัญหา หน้าเป็นหลุม ไม่สามารถรักษาเองได้ ควรพบแพทย์ เพื่อรักษาให้ถูกวิธีเท่านั้นถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน

หากใครที่มีปัญหาหลุมสิว และยังมีปัญหารอยจุดด่างดำจากสิว ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มลดฝ้า กระ ได้เช่นกัน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ทำให้ผิวคล้ำขึ้น ที่จะกลายมาเป็นรอยจุดด่างดำได้ (คลิกอ่านต่อที่นี่)


สำหรับรีวิวหัตถการความงามอื่น ๆ สามารถติดตามบทความได้ที่นี่ คลิกเลย 


ขอบคุณข้อมูลจาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy